หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เทศนาเรื่อง "พระเจ้าเลี้ยงดู" (วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2013)


เทศนาเรื่อง “พระเจ้าเลี้ยงดู” (1)
พระวจนะ : สดุดี 23:1 – 6
โดย ครูศานาวีระเดช  กันธิพันธิ์ ศิษยาภิบาลคริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี ลำพูน


            พี่น้องที่รัก เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา สำหรับพ่อ แม่ของเราในโลกนี้ ที่เลี้ยงดูเราให้เติบโต เราไม่สามารถมีวันนี้ได้หากไม่มีท่านที่เลี้ยงดูเรา และพ่อแม่ของเรา ก็ไม่สามารถมีวันนี้ได้หากปราศจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และย้อนกลับไปเรื่อยๆ ใครคือจุดเริ่มต้นของชีวิตของมนุษย์ คำตอบในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ คือ พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง ทุกสิ่งล้วนเป็นฝีพระหัตถ์การทรงสร้างของพระเจ้า ฉะนั้นแน่นอนหากปราศจากพระเจ้า หากพระองค์ไม่ได้สร้างสรรพสิ่ง เราทั้งหลายก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ วันอาทิตย์นี้เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลพระบิดา ในพระวิหารก็ได้มีการเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเขียว เพื่อระลึกถึงพระราชกิจของพระบิดา พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม แต่พระองค์ทรงดูแล ควบคุมเหนือการทรงสร้าง และการทรงสร้างของพระบิดาก็ยังคงดำเนินอยู่ทุกเวลา
            ในเช้าวันนี้ผมได้นำพระวจนะของพระเจ้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือจาก สดุดีบทที่ 23 ให้หัวข้อว่า “พระเจ้าเลี้ยงดู” พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระบิดาที่ทรงเลี้ยงดูเรา เพราะเราเป็นบุตรของพระองค์ ในพระวจนะของพระเจ้า ยอห์น  1:12 “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า”  เมื่อเราเป็นลูกของพระเจ้า แน่นอนพ่อฝ่ายเนื้อหนังเลี้ยงดูเราให้เติบโต เลี้ยงเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเสียอีกพ่อ คือพระบิดาของเราจะไม่ทรงเลี้ยงเรายิ่งกว่านั้นอีกหรือ


            ฉะนั้น พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเลี้ยงดูเรา ในพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ พระองค์เปรียบเทียบผู้ที่เชื่อวางใจในพระเจ้า เป็นเหมือนแกะ และพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยง พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแกะ  ดังต่อไปนี้

ประการที่ 1 ทรงประทานชีวิตที่บริบูรณ์ (1 – 2)
            ชีวิตที่บริบูรณ์ หรือชีวิตที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ในข้อ 1 – 2 ได้กล่าวถึงการที่่พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงได้นำแกะของพระองค์ไปยังสถานที่ดีที่สุด ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด (ไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด ไปยังริมน้ำแดนสงบ) แน่นอนผู้เลี้ยงปราถนาให้ชีวิตของแกะมีชีวิตอยู่ในที่อุดมสมบูรณ์ หรือบริบูรณ์ พระเจ้าต้องการให้แกะของพระองค์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด อยากให้เราย้อนดูประวัติศาตร์ในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงอาดัมและเอวา พระองค์ทรงสร้างเขาไว้ในสถานที่ที่ดีที่สุดนั้นก็คือในสวนเอเดน มีความอุดมสมบูรณ์ และเมื่อมนุษย์หลงกระทำความบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ถูกขับออกจากสวน เพราะความบาป แห่งการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ก็จึงทำให้มนุษย์นั้นถูกแยกจากพระเจ้า  แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ปราถนาให้มนุษย์ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด พระองค์ทรงเรียกอับราม หรือ อับราฮัม ให้ออกจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อจะประทานแผนดินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินแห่งพันธสัญญาให้แก่ชนชาติอิสราเอล และเมื่อชนชาติอิสราเอล มนุษย์ชาติ ตกเป็นทาสของความบาป พระเจ้าก็ยังทรงปราถนาให้คนของพระเจ้าอยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด นั้นก็คือ แผ่นดินสวรรค์ โดยประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ มาเป็นค่าไถ่บาปให้แก่เรา เพื่อให้เราผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด คือแผ่นดินสวรรค์ 
            หากเราเชื่อฟังพระองค์ผู้เลี้ยงของเรา ดำเนินตามผู้เลี้ยงของเรา คือพระเจ้าผู้ที่เราเชื่อ พระองค์ก็ทรงนำเราไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด และริมน้ำแดนสงบ ให้เรามั่นใจว่าพระองค์ทรงประทานชีวิตที่บริบูรณ์แก่เรา อย่างแน่นอน เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระองค์
           
ประการที่ 2 ทรงฟื้นจิตวิญญาณและนำไปในทางชอบธรรม (3)
            พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฟื้นฟูจิตวิญญาณของผู้ที่เชื่อในพระองค์ ผู้ที่เป็นลูกของพระองค์ อย่างแน่นอน เราต้องเข้าใจในข้อนี้ว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปโทษให้แก่เรา และนำเราเริ่มต้นใหม่ในทางของพระองค์ คือในทางความเชื่อ ทางที่ชอบธรรม  Ex. ทำไมผมถึงมองว่าการที่พระเจ้าฟื้นฟูจิตวิญญาณนั้นคือการที่เราได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า เราจะเห็นว่า เมื่อเราทำผิดต่อพ่อแม่ หรือทำอะไรก็ตามให้พ่อแม่ของเราเสียใจ เราขอโทษพ่อแม่ และเมื่อพ่อแม่ของเรา ยกโทษให้แก่เรา ไม่ถือโทษเรา มันเป็นความสุข จิตใจชื่นบานอีกครั้งหนึ่ง บุตรน้อยหลงหาย ออกจากบ้านไป ทำผิดมากมาย เมื่อกลับมาพ่ออภัยให้ ทำให้บุตรคนนี้ได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจ จิตวิญญาณอย่างมากมาย
            ขอบคุณพระเจ้า พระสัญญาของพระองค์กล่าวไว้ใน 1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” การอภัยโทษจากพระเจ้าจึงเป็นอะไรที่ทำให้เราได้รับการฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ อย่างแท้จริง และเมื่อเรามั่นใจแล้วว่าเราได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า เราจะไม่ทำผิดซ้ำอีก เราจะดำเนินในทางของพระเจ้า ทางของพระเจ้าคือทางชอบธรรม เราจะไม่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัย หรือเสียพระเกียรติเพราะเรา และเมื่อเรายอมจำนนต่อพระเจ้าแบบนี้ คือให้พระเจ้าเป็นผู้นำเรา แน่นอนเราจะดำเนินในทางชอบธรรม เมื่อพระองค์ทรงนำเรา ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปรือปัญหาใด เราจะยังคงมั่นคงในความเชื่อและไม่กลับไปในทางที่อธรรมอีก
           
ประการที่ 3 ทรงปกป้อง (4)
            ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูเรา พระองค์ทรงปกป้องเราไว้ ในทุกสถานการณ์ ในทุกๆทางของชีวิตของเรา ผู้เขียนสดุดี (K.ดาวิด) กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่กลัว” เพราะ “พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย” หมายถึงว่า ในเมื่อพระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด มีอำนาจสูงสุด ทำไมจะต้องเกรงกลัวอันตราย เกรงกลัวภัยพิบัติ เกรงกลัวอุปสรรค ปัญหา อีกเล่า สดุดีี  118:8 – 9 “เข้าลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า ก็ดีกว่า ที่จะเชื่อใจในมนุษย์              เข้าลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า ก็ดีกว่า ที่จะเชื่อใจในเจ้านาย”   อีกตอนหนึ่ง สดุดี 36:7             “ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ ประเสริฐสักเท่าใด ลูกหลานของมนุษย์เข้าลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์”  ผมคิดถึงภาพเข้าลี้ภัยอยู่ใต้ปีก เมื่อไก่ออกลูกใหม่ๆ มักจะให้ลูกๆอยู่ใต้ปีกของไก่ เราจะเข้าหาไก่ได้อยากมาก และลูกไก่ก็รู้ดีว่าใต้ปีกของแม่ไก่คือที่ปลอดภัยที่สุด  Ex. เมื่อผมเป็นเด็กๆ ผมไม่กล้าเข้าใกล้ไก่ที่มีลูกอยู่ใต้ปีกของมัน เพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อผมเคย ใช้ให้ผมเข้าไปเอาไข่ไก่ที่ไม่ออกลูก และมีแม่ไก่ฟักลูกอยู่ในรังไข่ เหตุการณ์นั้นทำให้ผมร้องให้ และทำให้ผมกลัวแม่ไก่จนถึงทุกวันนี้ เพราะผมโดนไก่จิกและตกใจมากๆ  ผมอ่านสดุดี ตอนนี้ทำให้ผมรู้แน่นอนว่า การที่เราอยู่ใต้ปีกของพระองค์นั้น จะไม่มีใคร หรืออะไร มาทำอันตรายแก่เราได้อย่างแน่นอน
            ให้เรามั่นใจและเชื่อวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงปกป้องเราให้พ้นจากอันตราย และการร้ายทั้งปวงแน่นอน เพราะพระองค์ทรงเลี้ยงดูเรา เราเป็นแกะของพระองค์


            ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา พระองค์ทรงเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแกะ ทรงให้เรามีชีวิตที่บริบูรณ์ โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทรงฟื้นจิตวิญญาณและนำเราไปในทางชอบธรรม ทรงปกป้องพิทักษ์อารักขาชีวิตของเรา ดังนั้น เราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องวิตก ไม่ต้องกังวล เพราะพระเจ้า ผู้ทรงเลี้ยงดูเรานั้นยิ่งใหญ่ วันนี้ผมท้าชวนทุกท่านให้ถวายทั้งชีวิตของท่านแด่พระเจ้า ยอมจำนนแด่พระองค์ ติดตามพระองค์ ให้พระองค์เป็นผู้เลี้ยงของท่าน ขอพระเจ้าอวยพระพร
            ในวันอาทิตย์หน้าผมจะเทศนาในเรื่องนี้ ต่ออีก 3 ประการ คือ….
ประการที่ 4 ทรงเล้าโลมใจ
ประการที่ 5 ทรงจัดเตรียม
ประการที่ 6 ทรงเจิมเรา
            ขอพี่น้องทุกท่านอย่าพลาด และมาร่วมกันรับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า




วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2555

ระเบียบนมัสการ 22-01-2012


งานและพันธกิจคริสตจักร
วันอาทิตย์ที่  22  มกราคม  2012
วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม  2012
ผู้นำนมัสการ          คุณเนรัญชรา  พลชาโลม
มน.สุวพัชชา  จอมทอง
ผู้เทศนา           ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์
ศาสนาจารย์ คิม จาง วอน
ผู้อธิษฐานเพื่อการอภิบาล ผป.ดวงใจ  จิระเดชากุล
ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์
ผู้ผ่านถุงถวาย          คุณอุทัย-คุณศรีพรรณ
คุณเบญจวรรณ-คุณเบญจมาส
ผู้เล่นดนตรี             คุณวุฒินันท์   ใจมา
คุณวุฒินันท์   ใจมา
ปฏิคม                 ผป.ศริญญา – คุณยุพิน
ผป.ศริญญา – คุณยุพิน
ผู้ถวายอาหาร        คุณอุทัย  แทนวงค์ (วันเกิด)
มน.พัชรินทร์  ชมชื่น
ผู้ถวายดอกไม้       มน.พัชรินทร์  ชมชื่น
ครอบครัวแซ่ฟู่

สถิติการนมัสการวันอาทิตย์ที่  15 มกราคม ค.ศ. 2012
ผู้ร่วมนมัสการ  ผู้ใหญ่  84  คน   เด็ก  14   คน รวม    98   คน
ผลถวาย   ประจำสัปดาห์     2,357      บาท  สิบลด    8,270  บาท 
ถวายขอบพระคุณ 780 บาท สำหรับอาหาร/ดอกไม้ 200 บาท พิเศษ/อื่นๆ - บาท 
  รวม     11,607    บาท
พันธกิจประจำวันอาทิตย์ที่  22  มกราคม  2012
เวลา  06.00 น.    **   นมัสการตอนเช้า
เวลา  09.30 .    **   คัมภีร์ศึกษา
เวลา  10.30 .    **   นมัสการพระเจ้า
เวลา  12.00 .    **   รับประทานอาหารร่วมกัน

 นิมิตของคริสตจักร คริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี เป็นคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดลำพูน มีสมาชิก 500 คนมีผู้รับใช้เต็มเวลา 3 คน มีคริสตจักรลูก 2 แห่งในปี 2015 
ยกนูน: ฉบับที่   4/2012      วันที่  22  มกราคม   ค.ศ.2012 

 

ทางเดียวพระเยซูงานเดียวประกาศ
“Only way is Jesus, only mission is evangelism ”
รูปภาพ1










คริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี ลำพูน

LAMPHUN   THAI-KOREAN   MISSION   CHURCH

76/1-4 .เจริญราษฎร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน 51000
ศิษยาภิบาล/Pastor :  ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์      โทร. 084-0650525

ศาสนาจารย์ประจำคริสตจักร : ศจ.สมชิด  หัวนา            โทร. 086-1142020
ครูศาสนาประจำคริสตจักร : คศ.คริสตาภรณ์  หัวนา 

ติดต่อ ศูนย์พันธกิจฯ : 053-560518, 560603-4   Fax. 053-511237
E-mail : Lamphun.Church_cct@hotmail.co.th      Web : www.thai-korean-church.blogspot.com Facebook : www.facebook.com/thaikorean.church


 
ระเบียบนมัสการพระเจ้า
วันอาทิตย์ที่  22   มกราคม  ค.ศ. 2012             ผู้นำนมัสการ  : คุณเนรัญชรา  พลชาโลม
เวลา 10.30 น.                                                   ผู้เทศนา  : ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์
¯เพลงสรรเสริญพระเจ้า                                                                                                  Gospel Song
¯อารัมภบทธรรม                           สดุดี  135:1     (Psalm)                                    Call to Worship
V เพลงนมัสการ          บทที่  36    “สรรเสริญฤทธาพระเจ้าเกรียงไกร                     Hymn No.36
V อธิษฐานสรรเสริญ  ขอบพระคุณ  และขอการทรงนำ                                                          Prayer
V อธิษฐานตามแบบพระเยซูคริสต์ตรัสสอน                                                                Lord’s Prayer
Vเพลงตอบสนอง                     “อาเมน   (Amen )                                                   Response Hymn  
V ยืนยันความเชื่อตามหลักข้อเชื่อของอัครธรรมทูต                                         The Apostle’s Creed
¯ประกาศการอภัยโทษ         สดุดี 103:3 – 5   (Psalm)                   Declaration  of  Forgiveness
¯อธิษฐานเพื่อการอภิบาล                                                                                         Pastoral Prayer
¯อัญเชิญพระวจนะ                     มัทธิว  22:34 - 40  (Matthew)                          Scripture Reading
¯เพลงสรรเสริญพระเจ้าจากคณะนักร้องคริสตจักร                                                              Anthem
¯เทศนา                        เรื่อง     “พระประสงค์ของพระเจ้าต่อคริสตจักร(1)”                    Sermon
V เพลงนมัสการ               บทที่  136  “มอบดวงจิตแด่องค์พระเจ้า”                             Hymn No.136
¯มอบถวาย                                  สุภาษิต  3:9 – 10    (Proverbs)                                        Offering
V เพลง                                  สรรเสริญพระเจ้าผู้อำนวยพร ”                                                   Doxology
V อธิษฐานมอบถวาย                                                                                         Prayer of Dedication  
V ขอพระพร                                                                                                                      Benediction
¯ เพลงตอบสนอง              บทที่ 301 “พระเจ้าเป็นความรัก”                     Response Hymn  No.301 
¯ประกาศงานและพันธกิจคริสตจักร                                                                        Announcements


เครื่องหมาย   V    ยืนขึ้น  Stand           ¯ นั่งลง Sit      *** กรุณาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
** ขอเชิญทุกท่านรับประทานอาหารร่วมกัน **

เทศนา เรื่อง พระประสงค์ของพระเจ้าต่อคริสตจักร(1)”                                                         โดย คศ.วีระเดช  กันธิพันธิ์
พระวจนะ  มัทธิว 22:34 - 40                                                                                  วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม  2012
       
          พระเจ้ามีพระประสงค์ที่เจาะจงในการทรงเรียกให้เรามาเป็นผู้เชื่อ ดังนั้นเราต้องหาเหตุผลของการทรงสร้างให้เจอ เพื่อจะถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ เราต้องถามตัวเองว่า เราอยู่เพื่อทำสิ่งใด ? เราเป็นอะไรอยู่ ? เราทำอะไรอยู่ ? พระเจ้าคาดหวังอะไรจากชีวิตเรา ? ถ้าเราไม่สนใจเหตุผลของการดำรงอยู่  เราก็ไม่มีเหตุผลที่จะดำรงอยู่ วัตถุประสงค์สำหรับผู้เชื่อนี้  คือ วัตถุประสงค์ของคริสตจักรด้วยเช่นกัน แล้วอะไร คือ พระประสงค์หลักของพระเจ้าต่อผู้เชื่อและคริสตจักร ? ข้าพเจ้าได้นำวัตถุประสงค์แรกที่พระเจ้ามีต่อผู้เชื่อ ต่อคริสตจักรของพระองค์ คือ “กระทำตามพระมหาบัญญัติ”
ประการที่ 1  รักพระเจ้า (37)
มาระโก 12:30    พระเจ้าต้องการให้คริสตจักรและผู้เชื่อทุกคนรักพระองค์ด้วยสุดจิต สุดใจ สุดความคิดและสุดกำลัง นั่นหมายถึงทุกส่วนของความเป็นมนุษย์ เมื่อคนสัมผัสความรักพระเจ้า เขาจะยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองและทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า และยิ่งกว่านั้น เราจะมุ่งมั่นทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย นั่นจึงทำให้พระบัญญัติสมบูรณ์ในชีวิตเรา    2โครินธ์ 5:14   เราจะสำแดงความรักต่อพระเจ้าอย่างไร ?
(1) ให้พระเจ้าเป็นที่หนึ่งในชีวิต
เมื่อพระเจ้าเป็นเลข 1 เราเป็น 0 หากเลข 0 นำหน้าเลข 1 01 ค่าน้อยลงๆ แต่ให้พระเจ้านำเราตาม 100 ค่าเพิ่มขึ้นๆ
(2) เชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า     (ยอห์น 14:31)   
พระเยซูสำแดงให้โลกรู้ว่าพระองค์รักพระบิดา ด้วยการกระทำตามที่พระบิดาได้ทรงบัญชา คนที่รักพระเจ้าจะมุ่งทำสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย เขาจะยำเกรงพระเจ้า และหลีกหนีสิ่งชั่วร้าย
(3) เข้าเฝ้าและติดสนิทกับพระเจ้า        (ลูกา 10:38-42) 
คนรักกันก็ต้องอยากพบเจอกัน ใช้เวลาด้วยกัน หากเราทำงานรับใช้ แต่ไม่มีชีวิตที่ใกล้พระเจ้า เราต้องถามตัวเองว่ากำลังทำงานเพราะรักพระเจ้าจริงหรือไม่
ประการที่ 2 รักกันและกัน (39) (มาระโก 12:31,ยอห์น 15:12-13,มัทธิว 12:25,  กาลาเทีย 5:15,สดุดี 133:1-3) 
พระเยซูกำชับสาวกให้รักกัน สิ่งที่พระเยซูกลัว และห่วงที่สุด ก็คือ ผู้เชื่อไม่รักกัน เราจะเป็นคริสเตียนไปด้วย ร่วมกับการเก็บความเกลียดชังไว้ในใจด้วยมันไปด้วยกันไม่ได้ อยากได้รับการอภัย แต่ไม่ยอมให้อภัย พระเจ้าก็อวยพรไม่ได้
พระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพรมายังสถานที่ มายังชุมชน มายังคริสตจักร มายังจังหวัด มายังประเทศ ที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน                                                                                                                                                                        
พระเจ้าทรงสร้างเราทุกคนอย่างดี และพระองค์มีพระประสงค์ต่อทุกคน ต่อคริสตจักรหากเราดำเนินชีวิต หรือทำพันธกิจโดยพลาดวัตถุประสงค์ของพระเจ้า ก็ไร้เป้าหมาย และไม่สามารถรับการเติมเต็มจากพระเจ้าได้ พระประสงค์ของพระเจ้าต่อชีวิตเราคือ รักพระเจ้า และรักกันและกัน ท่านดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระเจ้าหรือไม่ วันนี้ขอพระเจ้า ทรงกระทำให้พระประสงค์ของที่มีต่อคริสตจักรต่อชีวิตผู้เชื่อสำเร็จ ตามน้ำพระทัยพระองค์ อาเมน.

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ระเบียบนมัสการ 15-01-2012


งานและพันธกิจคริสตจักร
วันอาทิตย์ที่  15  มกราคม  2012
วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม  2012
ผู้นำนมัสการ          คุณปริศนา  คำขอด
คุณเนรัญชรา  พลชาโลม
ผู้เทศนา     ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์
ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์
ผู้อธิษฐานเพื่อการอภิบาล   ผป.ปรีชา  ขันเขียว
ผป.ดวงใจ  จิระเดชากุล
ผู้ผ่านถุงถวาย     คุณยายสุข– คุณป้านวล
คุณอุทัย-คุณศรีพรรณ
ผู้เล่นดนตรี             คุณวุฒินันท์   ใจมา
คุณวุฒินันท์   ใจมา
ปฏิคม                 ผป.ศริญญา – คุณยุพิน
ผป.ศริญญา – คุณยุพิน
ผู้ถวายอาหาร                             -
คุณอุทัย  แทนวงค์ (วันเกิด)
ผู้ถวายดอกไม้                         คณะสตรี
มน.พัชรินทร์  ชมชื่น

สถิติการนมัสการวันอาทิตย์ที่  8 มกราคม ค.ศ. 2012
ผู้ร่วมนมัสการ  ผู้ใหญ่  98  คน   เด็ก  20   คน รวม    118   คน
ผลถวาย   ประจำสัปดาห์     4,517      บาท  สิบลด    3,266.50  บาท 
ถวายขอบพระคุณ 1,200 บาท สำหรับอาหาร/ดอกไม้ 230 บาท พิเศษ/อื่นๆ 400 บาท 
  รวม     9,613.50    บาท
พันธกิจประจำวันอาทิตย์ที่  15  มกราคม  2012
เวลา  06.00 น.    **   นมัสการตอนเช้า
เวลา  09.30 .    **   คัมภีร์ศึกษา
เวลา  10.30 .    **   นมัสการพระเจ้า
เวลา  12.00 .    **   รับประทานอาหารร่วมกัน

นิมิตของคริสตจักร   คริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี เป็นคริสตจักรที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดลำพูน มีสมาชิก 500 คนมีผู้รับใช้เต็มเวลา 3 คน มีคริสตจักรลูก 2 แห่งในปี 2015 
ยกนูน: ฉบับที่   3/2012      วันที่  15  มกราคม   ค.ศ.2012 

 

ทางเดียวพระเยซูงานเดียวประกาศ
“Only way is Jesus, only mission is evangelism ”

คริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี ลำพูน

LAMPHUN   THAI-KOREAN   MISSION   CHURCH

76/1-4 .เจริญราษฎร์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน 51000
ศิษยาภิบาล/Pastor :  ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์      โทร. 084-0650525

ศาสนาจารย์ประจำคริสตจักร : ศจ.สมชิด  หัวนา            โทร. 086-1142020
ครูศาสนาประจำคริสตจักร : คศ.คริสตาภรณ์  หัวนา 

ติดต่อ ศูนย์พันธกิจฯ : 053-560518, 560603-4   Fax. 053-511237
Email : Lamphun.Church_cct@hotmail.co.th      Web : www.thai-korean-church.blogspot.com Facebook : www.facebook.com/thaikorean.church
ระเบียบนมัสการพระเจ้า
วันอาทิตย์ที่  15   มกราคม  ค.ศ. 2012                                       ผู้นำนมัสการ  : คุณปริศนา คำขอด
เวลา 10.30 น.                                                                             ผู้เทศนา  : ครูศาสนาวีระเดช  กันธิพันธิ์
¯เพลงสรรเสริญพระเจ้า                                                                                                  Gospel Song
¯อารัมภบทธรรม                           สดุดี  101:1-2     (Psalm)                                Call to Worship
V เพลงนมัสการ บทที่ 42   “พระองค์เจ้าข้าฯใจข้ายำเกรงพระองค์เจ้า”                         Hymn No.42
V อธิษฐานสรรเสริญ  ขอบพระคุณ  และขอการทรงนำ                                                          Prayer
V อธิษฐานตามแบบพระเยซูคริสต์ตรัสสอน                                                                Lord’s Prayer
Vเพลงตอบสนอง                     “อาเมน   (Amen )                                                   Response Hymn  
V ยืนยันความเชื่อตามหลักข้อเชื่อของอัครธรรมทูต                                         The Apostle’s Creed
¯ประกาศการอภัยโทษ         สดุดี 130:3 – 4,8   (Psalm)               Declaration  of  Forgiveness
¯อธิษฐานเพื่อการอภิบาล                                                                                         Pastoral Prayer
¯อัญเชิญพระวจนะ                     ปฐมกาล  28:10 - 22  (Genesis)                        Scripture Reading
¯เพลงสรรเสริญพระเจ้าจากคณะนักร้องคริสตจักร                                                              Anthem
¯เทศนา                           เรื่อง     “เบธเอล...ที่ประทับของพระเจ้า”                              Sermon
V เพลงนมัสการ      บทที่  140  “ข้าฯมอบถวายทั้งกายใจพลีบูชา”                              Hymn No.140
¯มอบถวาย                                  มัทธิว  6:1 – 4    (Matthew)                                             Offering
V เพลง                                  สรรเสริญพระเจ้าผู้อำนวยพร ”                                                   Doxology
V อธิษฐานมอบถวาย                                                                                         Prayer of Dedication  
V ขอพระพร                                                                                                                      Benediction
¯ เพลงตอบสนอง              บทที่ 301 “พระเจ้าเป็นความรัก”                     Response Hymn  No.301 
¯ประกาศงานและพันธกิจคริสตจักร                                                                        Announcements

เครื่องหมาย   V    ยืนขึ้น  Stand           ¯ นั่งลง Sit      *** กรุณาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
เทศนา เรื่อง เบธเอล...ที่ประทับของพระเจ้า”                                                      โดย คศ.วีระเดช  กันธิพันธิ์
พระวจนะ  ปฐมกาล  28:10 - 22                                                                            วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม  2012
       
          พี่น้องที่รัก เมื่อถึงวันอาทิตย์ เราก็มักจะ หยุดการทำงานต่างๆ และมานมัสการพระเจ้า ในพระวจนะของพระเจ้าใน อพยพ 20:8 - 11 “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ …….”
แท้จริงแล้วนี่คือพระบัญญัติ หรือกฎเกณฑ์ที่พระเจ้ามีไว้สำหรับผู้เชื่อในพระองค์ หรือเป็นสิ่งที่ผู้เชื่อได้สำแดงออกถึงความรัก ความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้า
ในพระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวถึงเรื่องของยาโคบฝันที่เบธเอล ซึ่งคำว่า เบธเอลหมายถึง ที่ประทับของพระเจ้า ฉะนั้น ผมก็เชื่อว่า ณ พระนิเวศของพระเจ้า ที่นี้คือ เบธเอล ที่นี่ที่ๆเราอยู่ คือที่ประทับของพระเจ้า ในพระวจนะของพระเจ้าได้ชี้ให้เราเห็นว่า เมื่อเราเข้ามาในสถานนมัสการ หรือที่เบธเอล ที่ประทับของพระเจ้า เราจะได้กระทำสิ่งใดหรือพบสิ่งใดบ้าง? 3 ประการ
ประการที่ 1 พบพระเจ้า (10 – 12)
                เราเชื่อวางใจในพระเจ้า เรารู้ เราสัมผัสได้ว่าพระเจ้าคือพระผู้ช่วยเรา เราจึงอยากพบพระเจ้า และแน่นอน หากเราอยากพบพระเจ้าเราจำเป็นที่จะต้องแสวงหา เราจำเป็นต้องไปยังที่ที่พระองค์ประทับ นั้นก็คือเบธเอล หรือปัจจุบันคือพระนิเวศของพระเจ้า หากเราเข้ามาในพระนิเวศของพระเจ้าเราก็จะพบกับพระองค์ ณ สถานที่แห่งนี้ท่านจะพบกับพระเจ้า พบกับความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ความรักของพระองค์  สดด 84:10  เพราะวันเดียวในบริเวณพระนิเวศของพระองค์ ดีกว่าพันวันในที่อื่น.....
ประการที่ 2 ฟังเสียงพระเจ้า (13 – 15)
หากเราเข้ามาในพระนิเวศของพระเจ้า เราพบพระองค์ และเรายังได้ยินเสียงของพระองค์ เราได้ยินเสียงของพระองค์ ณ เบธเอล ในพระนิเวศของพระเจ้า ผ่านทางการอธิษฐาน การร้องเพลง การอ่านพระวจนะ การฟังคำเทศนา ฯลฯ มากมายหลายอย่าง ที่พระเจ้าจะตรัสกับเรา เมื่อเราเข้ามาในพระนิเวศของพระเจ้า หลายคนมีความทุกข์ใจ ไม่สามารถ ปรึกษาใครได้ ก็จะได้รับคำปรึกษา ที่ดีซึ่งมาจากพระสุรเสียงของพระเจ้า อสย 9:6  ......."ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช"
ประการที่ 3 นมัสการพระเจ้า (16 – 22)
                การที่เรามา ณ สถานที่นี้ เราก็มาเพื่อที่จะนมัสการพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีน้ำพระทัย พระประสงค์ที่จะให้ผู้เชื่อในพระองค์นมัสการพระองค์ และการนมัสการคือการสำแดงออก ถึงชีวิตของผู้เชื่อที่แท้จริง ฉะนั้นสถานที่ ที่พระเจ้าอยู่คงไม่ใช่ที่ ที่จะมานินทา ใส่ร้าย หรือคิดไม่ดี มีอัคติ หรือแม้กระทั้งที่นอนหลับ แต่สถานที่นี้เป็นสถานที่นมัสการพระเจ้า
                พี่น้องที่รัก หลายครั้งเราละเลย เบธเอล เราไม่สนใจที่จะมาเบธเอล แต่พระวจนะของพระเจ้าตอนนี้กำลังบอกว่า หากเราเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า เราจำเป็นที่จะต้องสนใจ ใส่ใจ ในเบธเอล เราต้องมาที่สถานที่ เบธเอล คือที่ประทับของพระเจ้า หรือพระนิเวศน์พระวิหารของพระองค์  ในวันอาทิตย์ท่านเลือกที่จะไปที่ไหน? ทำอะไร? สำหรับผู้ที่เชื่อในพระเยซู ผมเชื่อว่าเราทุกคนเลือกที่จะไปยัง “เบธเอล” ......อาเมน.