หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เทศนาเรื่อง "พระเจ้าเลี้ยงดู" (วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2013)


เทศนาเรื่อง “พระเจ้าเลี้ยงดู” (1)
พระวจนะ : สดุดี 23:1 – 6
โดย ครูศานาวีระเดช  กันธิพันธิ์ ศิษยาภิบาลคริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี ลำพูน


            พี่น้องที่รัก เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา สำหรับพ่อ แม่ของเราในโลกนี้ ที่เลี้ยงดูเราให้เติบโต เราไม่สามารถมีวันนี้ได้หากไม่มีท่านที่เลี้ยงดูเรา และพ่อแม่ของเรา ก็ไม่สามารถมีวันนี้ได้หากปราศจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย และย้อนกลับไปเรื่อยๆ ใครคือจุดเริ่มต้นของชีวิตของมนุษย์ คำตอบในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ คือ พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง ทุกสิ่งล้วนเป็นฝีพระหัตถ์การทรงสร้างของพระเจ้า ฉะนั้นแน่นอนหากปราศจากพระเจ้า หากพระองค์ไม่ได้สร้างสรรพสิ่ง เราทั้งหลายก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ วันอาทิตย์นี้เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลพระบิดา ในพระวิหารก็ได้มีการเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเขียว เพื่อระลึกถึงพระราชกิจของพระบิดา พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม แต่พระองค์ทรงดูแล ควบคุมเหนือการทรงสร้าง และการทรงสร้างของพระบิดาก็ยังคงดำเนินอยู่ทุกเวลา
            ในเช้าวันนี้ผมได้นำพระวจนะของพระเจ้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี คือจาก สดุดีบทที่ 23 ให้หัวข้อว่า “พระเจ้าเลี้ยงดู” พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระบิดาที่ทรงเลี้ยงดูเรา เพราะเราเป็นบุตรของพระองค์ ในพระวจนะของพระเจ้า ยอห์น  1:12 “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า”  เมื่อเราเป็นลูกของพระเจ้า แน่นอนพ่อฝ่ายเนื้อหนังเลี้ยงดูเราให้เติบโต เลี้ยงเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเสียอีกพ่อ คือพระบิดาของเราจะไม่ทรงเลี้ยงเรายิ่งกว่านั้นอีกหรือ


            ฉะนั้น พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเลี้ยงดูเรา ในพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ พระองค์เปรียบเทียบผู้ที่เชื่อวางใจในพระเจ้า เป็นเหมือนแกะ และพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยง พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแกะ  ดังต่อไปนี้

ประการที่ 1 ทรงประทานชีวิตที่บริบูรณ์ (1 – 2)
            ชีวิตที่บริบูรณ์ หรือชีวิตที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ในข้อ 1 – 2 ได้กล่าวถึงการที่่พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงได้นำแกะของพระองค์ไปยังสถานที่ดีที่สุด ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด (ไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด ไปยังริมน้ำแดนสงบ) แน่นอนผู้เลี้ยงปราถนาให้ชีวิตของแกะมีชีวิตอยู่ในที่อุดมสมบูรณ์ หรือบริบูรณ์ พระเจ้าต้องการให้แกะของพระองค์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด อยากให้เราย้อนดูประวัติศาตร์ในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงอาดัมและเอวา พระองค์ทรงสร้างเขาไว้ในสถานที่ที่ดีที่สุดนั้นก็คือในสวนเอเดน มีความอุดมสมบูรณ์ และเมื่อมนุษย์หลงกระทำความบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ถูกขับออกจากสวน เพราะความบาป แห่งการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ก็จึงทำให้มนุษย์นั้นถูกแยกจากพระเจ้า  แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ปราถนาให้มนุษย์ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด พระองค์ทรงเรียกอับราม หรือ อับราฮัม ให้ออกจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อจะประทานแผนดินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินแห่งพันธสัญญาให้แก่ชนชาติอิสราเอล และเมื่อชนชาติอิสราเอล มนุษย์ชาติ ตกเป็นทาสของความบาป พระเจ้าก็ยังทรงปราถนาให้คนของพระเจ้าอยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด นั้นก็คือ แผ่นดินสวรรค์ โดยประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์ มาเป็นค่าไถ่บาปให้แก่เรา เพื่อให้เราผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด คือแผ่นดินสวรรค์ 
            หากเราเชื่อฟังพระองค์ผู้เลี้ยงของเรา ดำเนินตามผู้เลี้ยงของเรา คือพระเจ้าผู้ที่เราเชื่อ พระองค์ก็ทรงนำเราไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด และริมน้ำแดนสงบ ให้เรามั่นใจว่าพระองค์ทรงประทานชีวิตที่บริบูรณ์แก่เรา อย่างแน่นอน เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระองค์
           
ประการที่ 2 ทรงฟื้นจิตวิญญาณและนำไปในทางชอบธรรม (3)
            พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฟื้นฟูจิตวิญญาณของผู้ที่เชื่อในพระองค์ ผู้ที่เป็นลูกของพระองค์ อย่างแน่นอน เราต้องเข้าใจในข้อนี้ว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปโทษให้แก่เรา และนำเราเริ่มต้นใหม่ในทางของพระองค์ คือในทางความเชื่อ ทางที่ชอบธรรม  Ex. ทำไมผมถึงมองว่าการที่พระเจ้าฟื้นฟูจิตวิญญาณนั้นคือการที่เราได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า เราจะเห็นว่า เมื่อเราทำผิดต่อพ่อแม่ หรือทำอะไรก็ตามให้พ่อแม่ของเราเสียใจ เราขอโทษพ่อแม่ และเมื่อพ่อแม่ของเรา ยกโทษให้แก่เรา ไม่ถือโทษเรา มันเป็นความสุข จิตใจชื่นบานอีกครั้งหนึ่ง บุตรน้อยหลงหาย ออกจากบ้านไป ทำผิดมากมาย เมื่อกลับมาพ่ออภัยให้ ทำให้บุตรคนนี้ได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจ จิตวิญญาณอย่างมากมาย
            ขอบคุณพระเจ้า พระสัญญาของพระองค์กล่าวไว้ใน 1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” การอภัยโทษจากพระเจ้าจึงเป็นอะไรที่ทำให้เราได้รับการฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ อย่างแท้จริง และเมื่อเรามั่นใจแล้วว่าเราได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า เราจะไม่ทำผิดซ้ำอีก เราจะดำเนินในทางของพระเจ้า ทางของพระเจ้าคือทางชอบธรรม เราจะไม่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัย หรือเสียพระเกียรติเพราะเรา และเมื่อเรายอมจำนนต่อพระเจ้าแบบนี้ คือให้พระเจ้าเป็นผู้นำเรา แน่นอนเราจะดำเนินในทางชอบธรรม เมื่อพระองค์ทรงนำเรา ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปรือปัญหาใด เราจะยังคงมั่นคงในความเชื่อและไม่กลับไปในทางที่อธรรมอีก
           
ประการที่ 3 ทรงปกป้อง (4)
            ขอบคุณพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูเรา พระองค์ทรงปกป้องเราไว้ ในทุกสถานการณ์ ในทุกๆทางของชีวิตของเรา ผู้เขียนสดุดี (K.ดาวิด) กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่กลัว” เพราะ “พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย” หมายถึงว่า ในเมื่อพระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด มีอำนาจสูงสุด ทำไมจะต้องเกรงกลัวอันตราย เกรงกลัวภัยพิบัติ เกรงกลัวอุปสรรค ปัญหา อีกเล่า สดุดีี  118:8 – 9 “เข้าลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า ก็ดีกว่า ที่จะเชื่อใจในมนุษย์              เข้าลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า ก็ดีกว่า ที่จะเชื่อใจในเจ้านาย”   อีกตอนหนึ่ง สดุดี 36:7             “ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ ประเสริฐสักเท่าใด ลูกหลานของมนุษย์เข้าลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์”  ผมคิดถึงภาพเข้าลี้ภัยอยู่ใต้ปีก เมื่อไก่ออกลูกใหม่ๆ มักจะให้ลูกๆอยู่ใต้ปีกของไก่ เราจะเข้าหาไก่ได้อยากมาก และลูกไก่ก็รู้ดีว่าใต้ปีกของแม่ไก่คือที่ปลอดภัยที่สุด  Ex. เมื่อผมเป็นเด็กๆ ผมไม่กล้าเข้าใกล้ไก่ที่มีลูกอยู่ใต้ปีกของมัน เพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อผมเคย ใช้ให้ผมเข้าไปเอาไข่ไก่ที่ไม่ออกลูก และมีแม่ไก่ฟักลูกอยู่ในรังไข่ เหตุการณ์นั้นทำให้ผมร้องให้ และทำให้ผมกลัวแม่ไก่จนถึงทุกวันนี้ เพราะผมโดนไก่จิกและตกใจมากๆ  ผมอ่านสดุดี ตอนนี้ทำให้ผมรู้แน่นอนว่า การที่เราอยู่ใต้ปีกของพระองค์นั้น จะไม่มีใคร หรืออะไร มาทำอันตรายแก่เราได้อย่างแน่นอน
            ให้เรามั่นใจและเชื่อวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงปกป้องเราให้พ้นจากอันตราย และการร้ายทั้งปวงแน่นอน เพราะพระองค์ทรงเลี้ยงดูเรา เราเป็นแกะของพระองค์


            ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา พระองค์ทรงเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแกะ ทรงให้เรามีชีวิตที่บริบูรณ์ โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทรงฟื้นจิตวิญญาณและนำเราไปในทางชอบธรรม ทรงปกป้องพิทักษ์อารักขาชีวิตของเรา ดังนั้น เราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องวิตก ไม่ต้องกังวล เพราะพระเจ้า ผู้ทรงเลี้ยงดูเรานั้นยิ่งใหญ่ วันนี้ผมท้าชวนทุกท่านให้ถวายทั้งชีวิตของท่านแด่พระเจ้า ยอมจำนนแด่พระองค์ ติดตามพระองค์ ให้พระองค์เป็นผู้เลี้ยงของท่าน ขอพระเจ้าอวยพระพร
            ในวันอาทิตย์หน้าผมจะเทศนาในเรื่องนี้ ต่ออีก 3 ประการ คือ….
ประการที่ 4 ทรงเล้าโลมใจ
ประการที่ 5 ทรงจัดเตรียม
ประการที่ 6 ทรงเจิมเรา
            ขอพี่น้องทุกท่านอย่าพลาด และมาร่วมกันรับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า