เทศนาเรื่อง
“พระเจ้าเลี้ยงดู” (1)
พระวจนะ : สดุดี 23:1 – 6
โดย ครูศานาวีระเดช กันธิพันธิ์
ศิษยาภิบาลคริสตจักรพันธกิจไทย-เกาหลี ลำพูน
พี่น้องที่รัก
เราขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา สำหรับพ่อ แม่ของเราในโลกนี้
ที่เลี้ยงดูเราให้เติบโต เราไม่สามารถมีวันนี้ได้หากไม่มีท่านที่เลี้ยงดูเรา
และพ่อแม่ของเรา ก็ไม่สามารถมีวันนี้ได้หากปราศจากคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย
และย้อนกลับไปเรื่อยๆ ใครคือจุดเริ่มต้นของชีวิตของมนุษย์
คำตอบในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์ คือ พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงสร้างสรรพสิ่ง
ทุกสิ่งล้วนเป็นฝีพระหัตถ์การทรงสร้างของพระเจ้า ฉะนั้นแน่นอนหากปราศจากพระเจ้า
หากพระองค์ไม่ได้สร้างสรรพสิ่ง เราทั้งหลายก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
วันอาทิตย์นี้เป็นวันเริ่มต้นเทศกาลพระบิดา
ในพระวิหารก็ได้มีการเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเขียว เพื่อระลึกถึงพระราชกิจของพระบิดา
พระองค์ไม่ได้ทรงสร้างและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามยถากรรม แต่พระองค์ทรงดูแล
ควบคุมเหนือการทรงสร้าง และการทรงสร้างของพระบิดาก็ยังคงดำเนินอยู่ทุกเวลา
ในเช้าวันนี้ผมได้นำพระวจนะของพระเจ้าที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
คือจาก สดุดีบทที่ 23 ให้หัวข้อว่า “พระเจ้าเลี้ยงดู” พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระบิดาที่ทรงเลี้ยงดูเรา
เพราะเราเป็นบุตรของพระองค์ ในพระวจนะของพระเจ้า ยอห์น 1:12 “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์
ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า” เมื่อเราเป็นลูกของพระเจ้า
แน่นอนพ่อฝ่ายเนื้อหนังเลี้ยงดูเราให้เติบโต เลี้ยงเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้นเสียอีกพ่อ คือพระบิดาของเราจะไม่ทรงเลี้ยงเรายิ่งกว่านั้นอีกหรือ
ฉะนั้น
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเลี้ยงดูเรา ในพระวจนะของพระเจ้าตอนนี้
พระองค์เปรียบเทียบผู้ที่เชื่อวางใจในพระเจ้า เป็นเหมือนแกะ
และพระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยง พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแกะ ดังต่อไปนี้
ประการที่
1 ทรงประทานชีวิตที่บริบูรณ์ (1 – 2)
ชีวิตที่บริบูรณ์
หรือชีวิตที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ในข้อ 1 – 2
ได้กล่าวถึงการที่่พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงได้นำแกะของพระองค์ไปยังสถานที่ดีที่สุด
ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุด (ไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด ไปยังริมน้ำแดนสงบ)
แน่นอนผู้เลี้ยงปราถนาให้ชีวิตของแกะมีชีวิตอยู่ในที่อุดมสมบูรณ์ หรือบริบูรณ์
พระเจ้าต้องการให้แกะของพระองค์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด
อยากให้เราย้อนดูประวัติศาตร์ในพระวจนะของพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงอาดัมและเอวา
พระองค์ทรงสร้างเขาไว้ในสถานที่ที่ดีที่สุดนั้นก็คือในสวนเอเดน มีความอุดมสมบูรณ์
และเมื่อมนุษย์หลงกระทำความบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ถูกขับออกจากสวน เพราะความบาป
แห่งการไม่เชื่อฟังของมนุษย์ก็จึงทำให้มนุษย์นั้นถูกแยกจากพระเจ้า
แต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ปราถนาให้มนุษย์ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด
พระองค์ทรงเรียกอับราม หรือ อับราฮัม ให้ออกจากบ้านเกิดเมืองนอน
เพื่อจะประทานแผนดินที่อุดมสมบูรณ์ แผ่นดินแห่งพันธสัญญาให้แก่ชนชาติอิสราเอล
และเมื่อชนชาติอิสราเอล มนุษย์ชาติ ตกเป็นทาสของความบาป
พระเจ้าก็ยังทรงปราถนาให้คนของพระเจ้าอยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด นั้นก็คือ
แผ่นดินสวรรค์ โดยประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์
มาเป็นค่าไถ่บาปให้แก่เรา เพื่อให้เราผู้ที่เชื่อในพระองค์ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีที่สุด
คือแผ่นดินสวรรค์
หากเราเชื่อฟังพระองค์ผู้เลี้ยงของเรา
ดำเนินตามผู้เลี้ยงของเรา คือพระเจ้าผู้ที่เราเชื่อ
พระองค์ก็ทรงนำเราไปยังทุ่งหญ้าเขียวสด และริมน้ำแดนสงบ
ให้เรามั่นใจว่าพระองค์ทรงประทานชีวิตที่บริบูรณ์แก่เรา อย่างแน่นอน
เมื่อเราเชื่อและวางใจในพระองค์
ประการที่
2 ทรงฟื้นจิตวิญญาณและนำไปในทางชอบธรรม (3)
พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงฟื้นฟูจิตวิญญาณของผู้ที่เชื่อในพระองค์
ผู้ที่เป็นลูกของพระองค์ อย่างแน่นอน
เราต้องเข้าใจในข้อนี้ว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปโทษให้แก่เรา
และนำเราเริ่มต้นใหม่ในทางของพระองค์ คือในทางความเชื่อ ทางที่ชอบธรรม Ex.
ทำไมผมถึงมองว่าการที่พระเจ้าฟื้นฟูจิตวิญญาณนั้นคือการที่เราได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า
เราจะเห็นว่า เมื่อเราทำผิดต่อพ่อแม่ หรือทำอะไรก็ตามให้พ่อแม่ของเราเสียใจ
เราขอโทษพ่อแม่ และเมื่อพ่อแม่ของเรา ยกโทษให้แก่เรา ไม่ถือโทษเรา มันเป็นความสุข
จิตใจชื่นบานอีกครั้งหนึ่ง บุตรน้อยหลงหาย ออกจากบ้านไป ทำผิดมากมาย
เมื่อกลับมาพ่ออภัยให้ ทำให้บุตรคนนี้ได้รับการฟื้นฟูทางจิตใจ
จิตวิญญาณอย่างมากมาย
ขอบคุณพระเจ้า
พระสัญญาของพระองค์กล่าวไว้ใน 1 ยอห์น 1:9 “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา
พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา
และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น”
การอภัยโทษจากพระเจ้าจึงเป็นอะไรที่ทำให้เราได้รับการฟื้นฟูชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ
อย่างแท้จริง และเมื่อเรามั่นใจแล้วว่าเราได้รับการอภัยโทษจากพระเจ้า
เราจะไม่ทำผิดซ้ำอีก เราจะดำเนินในทางของพระเจ้า ทางของพระเจ้าคือทางชอบธรรม
เราจะไม่ทำให้พระเจ้าเสียพระทัย หรือเสียพระเกียรติเพราะเรา
และเมื่อเรายอมจำนนต่อพระเจ้าแบบนี้ คือให้พระเจ้าเป็นผู้นำเรา
แน่นอนเราจะดำเนินในทางชอบธรรม เมื่อพระองค์ทรงนำเรา
ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปรือปัญหาใด เราจะยังคงมั่นคงในความเชื่อและไม่กลับไปในทางที่อธรรมอีก
ประการที่
3 ทรงปกป้อง (4)
ขอบคุณพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงดูเรา พระองค์ทรงปกป้องเราไว้ ในทุกสถานการณ์
ในทุกๆทางของชีวิตของเรา ผู้เขียนสดุดี (K.ดาวิด) กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่กลัว”
เพราะ “พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย” หมายถึงว่า
ในเมื่อพระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด มีอำนาจสูงสุด
ทำไมจะต้องเกรงกลัวอันตราย เกรงกลัวภัยพิบัติ เกรงกลัวอุปสรรค ปัญหา อีกเล่า
สดุดีี 118:8 – 9 “เข้าลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า ก็ดีกว่า
ที่จะเชื่อใจในมนุษย์ เข้าลี้ภัยอยู่ในพระเจ้า
ก็ดีกว่า ที่จะเชื่อใจในเจ้านาย” อีกตอนหนึ่ง สดุดี 36:7 “ข้าแต่พระเจ้า ความรักมั่นคงของพระองค์ ประเสริฐสักเท่าใด
ลูกหลานของมนุษย์เข้าลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกของพระองค์” ผมคิดถึงภาพเข้าลี้ภัยอยู่ใต้ปีก
เมื่อไก่ออกลูกใหม่ๆ มักจะให้ลูกๆอยู่ใต้ปีกของไก่ เราจะเข้าหาไก่ได้อยากมาก
และลูกไก่ก็รู้ดีว่าใต้ปีกของแม่ไก่คือที่ปลอดภัยที่สุด Ex. เมื่อผมเป็นเด็กๆ
ผมไม่กล้าเข้าใกล้ไก่ที่มีลูกอยู่ใต้ปีกของมัน เพราะว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งพ่อผมเคย
ใช้ให้ผมเข้าไปเอาไข่ไก่ที่ไม่ออกลูก และมีแม่ไก่ฟักลูกอยู่ในรังไข่
เหตุการณ์นั้นทำให้ผมร้องให้ และทำให้ผมกลัวแม่ไก่จนถึงทุกวันนี้
เพราะผมโดนไก่จิกและตกใจมากๆ
ผมอ่านสดุดี ตอนนี้ทำให้ผมรู้แน่นอนว่า การที่เราอยู่ใต้ปีกของพระองค์นั้น
จะไม่มีใคร หรืออะไร มาทำอันตรายแก่เราได้อย่างแน่นอน
ให้เรามั่นใจและเชื่อวางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงปกป้องเราให้พ้นจากอันตราย
และการร้ายทั้งปวงแน่นอน เพราะพระองค์ทรงเลี้ยงดูเรา เราเป็นแกะของพระองค์
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา
พระองค์ทรงเลี้ยงดูเราดุจเลี้ยงแกะ ทรงให้เรามีชีวิตที่บริบูรณ์
โดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทรงฟื้นจิตวิญญาณและนำเราไปในทางชอบธรรม
ทรงปกป้องพิทักษ์อารักขาชีวิตของเรา ดังนั้น เราไม่ต้องกลัว ไม่ต้องวิตก
ไม่ต้องกังวล เพราะพระเจ้า ผู้ทรงเลี้ยงดูเรานั้นยิ่งใหญ่
วันนี้ผมท้าชวนทุกท่านให้ถวายทั้งชีวิตของท่านแด่พระเจ้า ยอมจำนนแด่พระองค์
ติดตามพระองค์ ให้พระองค์เป็นผู้เลี้ยงของท่าน ขอพระเจ้าอวยพระพร
ในวันอาทิตย์หน้าผมจะเทศนาในเรื่องนี้
ต่ออีก 3 ประการ คือ….
ประการที่
4 ทรงเล้าโลมใจ
ประการที่
5 ทรงจัดเตรียม
ประการที่
6 ทรงเจิมเรา
ขอพี่น้องทุกท่านอย่าพลาด
และมาร่วมกันรับพระพรจากองค์พระผู้เป็นเจ้า